Saturday, April 20, 2013

ติดน้ำตาลกันหรือยัง?


อ้วนและไม่อ้วนก็ติดน้ำตาลได้...
สำหรับคนที่ต้องการจะลดความอ้วนแล้ว
นี่คือ ปราการด่านแรกๆที่ต้องทำให้ได้ก่อนลดน้ำหนัก

อาการติดน้ำตาลก็คือ
เราจะรู้สึกเพลียมาก และคิดอะไรไม่ออก
ต้องการอะไรหวานๆ เมื่อได้ทานแล้วก็ชื่นใจ
แต่แล้ว สักพัก ก็อยากกินอะไรหวานๆ อีก
วนอยู่อย่างนี้ตลอดทั้งวัน

เนื่องจากเวลาที่เราดื่มของหวานๆ เข้าไป
จะทำให้น้ำตาลในเลือดขึ้นสูงปรี๊ดอย่างฉับพลัน
อินซูลินก็จะถูกหลั่งออกมามากเพื่อเอาน้ำตาลเหล่านั้น
เข้าไปในเซลล์
ทั้งนี้อินซูลินที่ถูกกระตุ้นออกมาด้วยน้ำตาลที่สูงอย่างฉับพลัน
จะออกมาในปริมาณที่มากกว่าที่ควรจะเป็น
ทำให้น้ำตาลในเลือดลดต่ำลงเร็วและมากเกิน
ผลก็คือ เราจะขาดน้ำตาล!!!
ทำให้รู้สึกเพลียหลังจากกินน้ำตาลเข้าไปได้สักภายในสองชั่วโมง
ดังนั้นเราจึงต้องหาของหวานๆ กินอีกครั้ง

คนพวกนี้จะรู้สึก "ชื่นใจ" เวลาได้กินของหวานครับ

น้ำตาลในกระแสเลือดก็จะสวิงอยู่เช่นนี้
จนท้ายสุด ตับอ่อนเสื่อม เพราะทำงานหนักมากเกินไป
ก็กลายเป็นเบาหวานในที่สุด

วิธีการแก้อาการติดน้ำตาล
1. เมื่อรู้สึกอยากของหวานๆ
ให้กินของหวานนั้นเพียงไม่กี่คำ พอให้รู้สึกชื่นใจ
สมองได้รู้สึกสดชื่นขึ้น โดยการเคี้ยวให้ช้า
จากนั้นดื่มน้ำตามลงไป จนรู้สึกอิ่ม

2. เมื่อเรารู้สึกอยากน้ำตาลอีกครั้ง
จะเกิดอาการเพลียอีกขึ้นมา
ก็ให้เอาของหวานนั้นมารับประทานอีกครั้ง
ทำเช่นเดิม กินไม่กี่คำ แล้วทานน้ำลงไปจนอิ่ม

หากเป็นพวกน้ำหวานก็เหมือนกัน
ดื่มหนึ่งถึงสองอึก พอชื่นใจ จากนั้นดื่มน้ำเปล่าให้อิ่ม
ก็จะลดความหงุดหงิด และอาการเพลียจากอาการ"โหยน้ำตาลได้"

การทำเช่นนี้เพื่อค่อยๆ ปรับให้ร่างกายได้รับน้ำตาล
ไม่ทำให้ฮอร์โมนในร่างกายเกิดการกวัดแกว่งมากเกินไป
ทำให้เราไม่เกิดอาการเพลียเพราะน้ำตาล
และต้องกินของหวานๆ ทั้งวัน

เชื่อหรือไม่ครับว่า
สมองของเราติดน้ำตาลได้ ติดไขมันได้
และก็ติดได้แม้กระทั่งน้ำเย็น!!!

อาหารโอชะทั้งมวล
อร่อยลิ้นเพียงคำแรกๆ
และคำสุดท้ายก่อนจะหมดเท่านั้นเอง...


"ความรู้โบราณ อายุนับพันปี
ถ่ายทอดผ่านร้อยชั่วคน
แต่บางคน...ชั่วชีวิต กลับมิเคยได้รู้..."

เคล็ดลับจากศาสตร์โบราณ เพื่อคนยุคใหม่
โดย Admin : ผีเสื้อหน้าหยก
Facebook คันฉ่องสุขภาพ


ขอบคุณรูปจาก
http://vastfitness.com/breaking-your-sugar-addiction/1324/

No comments:

Post a Comment